1. ถ้อยคำที่ใช้เป็นสำนวนอาจเป็นเพียงคำเดียว หรือประกอบด้วยถ้อยคำที่เรียงกันตั้งแต่ 2 คำขึ้นไปซึ่งบาง สำนวนเป็นกลุ่มคำ บางสำนวนเป็นประโยค ซึ่งมีทั้งความเดียวและประโยคความซ้อน
| ||
2. สำนวนไทยบางสำนวนมีทั้งมีเสียงสัมผัสและไม่มีเสียงสัมผัส ที่มีเสียงสัมผัส มีเสียงสัมผัสในและสัมผัสนอก จะมีตั้งแต่ 4 ถึง 12 คำ ส่วนที่ไม่มีเสียงสัมผัส จะมีตั้งแต่ 2 ถึง 8 คำ บางสำนวนมีการใช้คำซ้ำและเล่นคำ
| ||
3. เนื้อความของสำนวนมีทั้งที่มีเนื้อความตอนเดียว และมีเนื้อความสองตอนขึ้นไป
| ||
4. เนื้อหาของสำนวนจะมีหลากหลาย ดังนี้
4.1 เนื้อหาเกี่ยวกับรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ และกิริยาท่าทาง 4.2 เนื้อหาเกี่ยวกับลักษณะนิสัย กิริยาอาการและพฤติกรรม 4.3 เนื้อหาเกี่ยวกับจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก 4.4 เนื้อหาเกี่ยวกับการพูด 4.5 เนื้อหาเกี่ยวกับความรัก การมีคู่ และการครองเรือน 4.6 เนื้อหาเกี่ยวกับการศึกษาหาความรู้ และการอบรมสั่งสอน 4.7 เนื้อหาเกี่ยวกับความเป็นอยู่ อาชีพ การทำงาน การทำมาหากิน และการดำรงชีวิต 4.8 เนื้อหาเกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันในสังคม การเมือง การปกครอง 4.9 เนื้อหาเกี่ยวกับคุณธรรม การเตือนสติและคำสอนต่าง ๆ 4.10 เนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ สถานการณ์ เวลา ระยะทางและสถานที่ | ||
5. เป็นถ้อยคำสละสลวยที่ใช้แทนคำพูดธรรมดา เป็นคำแปลก ๆ โดยอาจเทียบเคียงมาจากการกระทำบางอย่าง เป็นคำกล่าวที่มีความหมายโดยนัย เป็นคำที่มาจากปรากฏการธรรมชาติ นิทาน ชาดก หรือวรรณคดี ใช้ถ้อยคำน้อย แต่มีเนื้อความมาก และเป็นคำที่มีความไพเราะ ฯลฯ
|
วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559
ตัวอย่างสำนวนไทย
คุณค่าของสำนวนไทย
คุณค่าของสำนวนไทย
คุณค่าของสำนวนไทย
๑. เป็นเครื่องอบรมสั่งสอนและชี้แนะให้เป็นคนดี
- ในด้านความรัก : คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย, น้ำพึ่งเสือพึ่งป่า
- ในด้านการศึกษาอบรม : ฝนทั่งให้เป็นเข็ม, สิบรู้ไม่เท่าชำนาญ
- ในการพูดจา : พูดดีเป็นศรีแก่ตัว พูดชั่วอัปราชัย ,พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง
๒. สำนวนไทยช่วยสะท้อนให้เห็นความคิด ความเชื่อในสังคมไทย
-ความเคารพนอบน้อมผู้ใหญ่ เช่น เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด
- ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องกรรม เช่น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
- ความเชื่อเกี่ยวกับการปกครอง เช่น บ้านเมืองมีขื่อมีแป
-ความเชื่อเกี่ยวกับเกียรติยศชื่อเสียง เช่น ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ
๓. สะท้อนให้เห็นถึงภาวะความเป็นอยู่
- เกี่ยวกับเศรษฐกิจและการครองชีพ เช่น เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
๔.ชี้ให้เห็นว่าคนไทยรักธรรมชาติ
ธรรมชาติกับการดำรงค์ชีวิตของคนไทยเกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออก จึงได้นำเอาลักษณะธรรมชาติของสัตว์ ต้นไม้ ฯลฯ มาตั้งเป็นสุภาษิต คำพังเพย และสำนวนต่างๆ
๕.ใช้ภาษาได้ถูกต้อง
การศึกษาสำนวนต่างๆ ช่วยทำให้เราใช้ภาษาได้ถูกต้องและสละสลวย ไม่ต้องใช้คำพูดที่เยิ่นเย้อยืดยาว แต่สามารถเรียกร้องความสนใจจากผู้อ่านได้มาก นอกจากนั้นการศึกษาสุภาษิต คำพังเพย และสำนวนของภาคต่างๆ ทำให้เราได้เรียนรู้ภาษาถิ่นไปด้วยในตัว
๖ ช่วยสืบทอดวัฒนธรรม
ที่มาของสำนวนไทย
1. มีที่มาจากธรรมชาติ
เป็นสำนวนที่เทียบเคียงมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ดังตัวอย่าง
สำนวน
|
ที่มา
|
ความหมาย
|
กาฝาก
| ต้นไม้ที่เกาะเบียดเบียนอาศัยอาหารจากต้นใหญ่ เลี้ยงตัว | แฝงกินอยู่กับผู้อื่นโดยไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้ |
ก่อหวอด
| การวางไข่ของปลา ปลาจะพ่นน้ำเป็นฟองเรียกว่า หวอด เพื่อให้ไข่ปลาอาศัยจน เป็นลูกปลา | เริ่มจับกลุ่มเพื่อนทำการ อย่างใดอย่าง หนึ่ง |
เข้าไต้เข้าไฟ | เวลาใกล้ค่ำต้องจุดไต้ ให้แสงสว่าง | เวลาพลบค่ำ |
คลื่นกระทบฝั่ง |
ทะเลมีคลื่นวิ่งเข้าหาฝั่งตลอดเวลา
| เรื่องราวที่ครึกโครมขึ้นแล้วกลับเงียบ หายไป |
คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล | แสดงถึงความน่ากลัวของทะเล | สอนให้อย่าประมาทเพราะทะเล มีอันตรายทุกเมื่อ |
ต้นไม้ตายเพราะลูก | ธรรมชาติของต้นไม้บางชนิดเมื่อออกผลแล้วจะตาย | พ่อแม่ยอมเสียสละแม้ชีวิตเพื่อลูก |
ติดร่างแห | เวลาจับปลาด้วยแห ปลาน้อยใหญ่ก็จะติดแหมาด้วย | พลอยรับเคราะห์ไปด้วย |
ตื่นแต่ไก่โห่ | ธรรมชาติของไก่ย่อมขัน ในเวลาเช้ามืดเสมอ | ตื่นแต่เช้ามืด |
ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ | ฟ้าอยู่สูงแผ่นดินอยู่ที่ต่ำ | คนมีทั้งที่สูงและที่ต่ำ |
สนตะพาย | การสนตะพายที่จมูกวัวควาย เพื่อชักจูงไปได้สะดวก | ยอมให้ชักจูง |
2. ที่มาจากวัฒนธรรมการดำรงชีวิต
เช่น ปัจจัยสี่ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย พาหนะ เป็นต้น ดังตัวอย่าง
สำนวน
|
ที่มา
|
ความหมาย
|
ก้นหม้อไม่ทันดำ | การหุงข้าวกว่าก้นหม้อจะติดเขม่าดำกินเวลานาน | เลิกกันง่าย |
ชุบมือเปิบ | การกินข้าวด้วยมือ ก่อนจะกิน อาหารจะเอา มือลงชุบน้ำ เพื่อล้างมือให้สะอาด และไม่ให้ข้าว ติดมือ | คนที่ไม่ช่วยทำพอถึงเวลา มารับประทาน คนที่ฉวยประโยชน์จากคนอื่นโดยไม่ลงทุน ลงแรง |
นุ่งเจียมห่มเจียม | การแต่งกาย | แต่งตัวพอสมกับฐานะ |
จุดไต้ตำตอ | เวลาพลบค่ำจะจุดไต้เป็นเครื่องตามไฟ | พูดหรือทำสิ่งใดกับเจ้าของเรื่อง โดยผู้นั้น ไม่รู้ตัว |
บ้านเมืองมีขื่อมีแป | เรือนต้องมีขื่อสำหรับยึดหัวเสาเรือนตามขวาง ส่วนแปเป็นไม้ยึดหัวเสาตามยาว | บ้านเมืองมีกฎหมายคุ้มครอง |
ติเรือทั้งโกลน | การทำเรือสมัยโบราณ จะเหลาซุงทั้งต้นให้ เป็นรูปร่างก่อน เรียกว่า โกลน | ตำหนิสิ่งที่ยังทำไม่เสร็จ |
3. ที่มาจากวัฒนธรรมทางสังคม
เช่น การทำมาหากิน การกระทำ ประเพณี การละเล่น การศึกษา การเมืองการปกครอง เป็นต้น ดังตัวอย่าง
สำนวน
|
ที่มา
|
ความหมาย
|
ไกลปืนเที่ยง | ในรัชกาลที่ 5 เริ่มยิงปืนใหญ่เวลา 12.00 นาฬิกาในพระนคร ให้ได้รู้กันว่าเป็นเวลาเที่ยง | คนที่อยู่ไกลออกไป คนบ้านนอก |
ทำนาบนหลังคน | อาชีพการทำนา | การแสวงหาผลประโยชน์ ใส่ตนโดยขูดรีดผู้อื่น |
ฝังรก ฝังราก | การทำขวัญทารกที่เกิดได้สามวัน เอารกกับ มะพร้าว | ตั้งถิ่นฐานประจำ |
คนตายขายคนเป็น | การจัดงานศพ | การจัดงานศพใหญ่โตทั้ง ๆ ที่ลูกหลานยากจน ต้องไปกู้เงินมาทำศพ หลังงานศพ ต้องใช้หนี้ ได้รับ ความลำบาก |
ไม่ดูตาม้าตาเรือ | การเล่นหมากรุก | ไม่พิจารณาให้รอบคอบ |
ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด | การศึกษา | มีความรู้มากแต่ไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ |
เจ้าถ้อยหมอความ | โวหารของนักกฎหมาย หรือหมอความ(ทนายความ) | ผู้ที่ใช้โวหารพลิกแพลงเช่นเดียวกับผู้ที่เป็น หมอความ(ทนายความ) |
นอนหลับทับสิทธิ์ | การเมืองการปกครอง | ไม่ไปใช้สิทธิ์ที่ตนเองมีอยู่เมื่อถึงคราวที่จะใช้ |
สู้จนเย็บตา | การชนไก่ ไก่ถูกแทงจนหน้าตาฉีกก็เย็บ แล้วให้สู้อีก | สู้จนถึงที่สุด สู้อย่างไม่ย่อท้อ สู้ไม่มีถอย |
4. ที่มาจากวัฒนธรรมทางจิตใจ
เช่น ทางศาสนาและความเชื่อ ดังตัวอย่าง
สำนวน
|
ที่มา
|
ความหมาย
|
กรวดน้ำคว่ำขัน | เวลาไปทำบุญแล้วกรวดน้ำอุทิศ ส่วนกุศล | ตัดขาดไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย |
ผีซ้ำด้ำพลอย | การนับถือผีบรรพบุรุษ | ถูกซ้ำเติมเมื่อพลาดพลั้งลงหรือ เมื่อคราวเคราะห์ร้าย |
ปิดทองหลังพระ | ทำเนียมการปิดทองคำเปลว ที่พระพุทธรูป | ทำความดีแต่ไม่ได้รับการ ยกย่องเพราะไม่มีใครเห็นคุณค่า |
ขนทรายเข้าวัด | การทำบุญก่อพระเจดีย์ทราย ที่วัด | การหาประโยชน์ให้ส่วนรวม |
บุญทำกรรมแต่ง | การทำบุญ สร้างกรรม | บุญหรือบาปที่ทำไว้ในชาติก่อนเป็นเหตุให้รูปร่าง หน้าตาหรือวิถีชีวิตของคนเราในชาตินี้ สวยงาม ดี ชั่ว |
5.ที่มาจากวัฒนธรรมทางศิลปะ
เช่น การแสดง ดนตรี เป็นต้น ดังตัวอย่าง
สำนวน
|
ที่มา
|
ความหมาย
|
ประสมโรง | การตั้งคณะละครโดยเอาตัวละครจากที่ต่าง ๆ มารวมกันเป็นโรง | พลอยเข้าร่วมเป็นพวกด้วย |
ชักใย | การเล่นหุ่นและหนังตะลุง | บงการอยู่เบื้องหลัง |
นอกจอ | การเล่นหนังใหญ่ | ดีแต่เก่งอยู่ข้างนอก |
คลุกคลีตีโมง | การเล่นดนตรีปี่พาทย์ | คลุกคลีพัวพันอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา |
โจ๋งครึ่ม | สำเนียงการตีตะโพน | การกระทำสิ่งใดอย่างเปิดเผย |
6.ที่มาจากวัฒนธรรมทางภาษา วรรณคดี ตำนาน นิทาน ประวัติศาสตร์ดังตัวอย่าง
สำนวน
|
ที่มา
|
ความหมาย
|
งอมพระราม | เรื่อง รามเกียรติ์ พระรามต้องผจญกับความทุกข์ยาก ลำบากต่าง ๆ นานา มากมาย | มีความทุกข์ลำบากเต็มที่ |
ชักแม่น้ำทั้งห้า | เรื่องมหาเวสสันดรชาดก ชูชกกล่าวขอสองกุมาร ต่อพระเวสสันดร | พูดจาหว่านล้อมยกยอบุญคุณ เพื่อขอสิ่งที่ประสงค์ |
เนื้อถ้อยกระทงความ | การใช้ภาษา | เนื้อความที่แยกแยะออก เป็นข้อ ๆ อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง |
ที่เท่าแมวดิ้นตาย | นิทานเรื่องศรีธนญชัย ที่ขอพระราชทานที่เท่า แมวดิ้นตาย โดยเอาแมวมาผูกและ ใช้ไม้ตีแมวให้วิ่ง ไปมาจนแมวตาย ทำให้ได้ที่ดินจำนวนมาก | มีที่ดินที่เนื้อที่น้อยเพียง ตัวแมว ดิ้นตาย |
ปล่อยม้าอุปการ | เรื่องรามเกียรติ์ พระรามทำพิธีปล่อยม้าอุปการ แล้วให้ หนุมานตามไป ผู้ใดบังอาจจับม้าขี่ ก็จะถูกปราบ | การกระทำที่ใช้คนออกไปเที่ยว พาลหาเรื่องหรือทำให้เกิดเรื่อง ขึ้นเพื่อ ประโยชน์ตนเอง |
ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง | วรรณคดีเรื่องอิเหนา ท้าว กะหมังกุหนิง ยกทัพมาประชิดเมืองดาหาเพื่อชิงนางบุษบา อิเหนาก็มาช่วยปราบศึกและเมื่อได้พบ นางบุษบา ก็ลุ่มหลงออกอุบายแต่งทัพปลอม เป็นทัพกะหมังกุหนิงเข้าเผาเมือง แล้วปลอมเป็นจรกาพา นางบุษบา ไปซ่อนไว้ในถ้ำ | ตำหนิผู้อื่นเรื่องใดแล้วตนก็กลับทำในเรื่องนั้นเสียเอง |
ความหมายของสำนวนไทย
"
ก่อนเข้าสู่บทเรียน คุณครูมีเพลงสนุกๆ เกี่ยวกับสำนวนไทยมาให้ฟังและฝึกร้องไปพร้อมๆ กันนะคะ"
"ฟังเพลงจบแล้วมาเริ่มเรียนรู้ความหมายของสำนวนไทยกันเลยนะคะ"
สำนวน คือถ้อยคำ กลุ่มคำ หรือความที่เรียบเรียงขึ้นในเชิงอุปมาอุปมัยโดยมีนัยแฝงเร้นซ่อนอยู้อย่างลึกซึ้ง แยบคาย เพื่อให้ผู้รับได้ไปตีความ ทำความเข้าใจด้วยตนเองอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งอาจแตกต่างไปความหมายเดิมหรืออาจคล้ายคลึงกับความหมายเดิมก็ได้ สันนิษฐานว่า สำนวนนั้นมีอยู่ในภาษาพูดก่อนที่จะมีภาษาเขียนเกิดขึ้นในสมัยสุโขทัย โดยเมื่อพิจารณาจากข้อความในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงแล้ว ก็พบว่ามีสำนวนไทยปรากฏเป็นหลักฐานอยู่ เช่น ไพร่ฟ้าหน้าใส หมายถึง ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)